วันพุธที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551

ตรรกะแห่งอำนาจ



หากวันนี้ พวกเรายังนิ่งดูดาย แยกแยะไม่ออกว่า อะไรคือจริง อะไรคือเท็จ ในวันข้างหน้าเมื่อเสียประเทศไทยไปแล้ว ...ลูกหลานของพวกเราคงจะต้องร้องเพลงว่า “วิญญาณพวกหนูจะร้อง ไอ้ปู่ ย่า จัญไร....”
จากเหตุการณ์ที่พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้ชุมนุมต่อต้านรัฐบาลมาตั้งแต่วันที่ 25 พ.ค.2551 จนกระทั่งเหตุการณ์สุกงอมถึงขั้นปิดสนามบินสุวรรณภูมิ เมื่อคืนวันที่ 25 พ.ย.2551 ที่ผ่านมา คำพูดที่เรามักจะได้ยินเป็นประจำจากบรรดาผู้บริหารบ้านเมือง นักการเมือง ข้าราชการนักวิชาการ และผู้เชี่ยวชาญทั้งหลาย ซึ่งให้สัมภาษณ์ผ่านสื่อต่างๆ ทั้งทางโทรทัศน์ และวิทยุ ว่าการกระทำเช่นนี้ ทำให้นักลงทุนต่างชาติขาดความเชื่อมั่น เศรษฐกิจของประเทศสูญเสีย ธุรกิจการท่องเที่ยวเสียหาย ตลาดหุ้นตก ภาพลักษณ์ประเทศเสียหายในสายตาสังคมโลก ฯลฯ

ผมมีความรู้สึกว่า ทำไม พวกเราทั้งหลาย ต้องพูดถึงสิ่งที่เกี่ยวข้องกับชาวต่างชาติเสมอ ทำไมประเทศไทยต้องพึ่งพาชาวต่างชาติ ต้องใส่ใจต่อความรู้สึกของชาวต่างชาติ โดยไม่ใส่ใจต่อความรู้สึกของคนในประเทศไทยกันเอง ที่กำลังจะถูกระบอบทักษิณและนักการเมืองชั่ว เข้าครอบงำอำนาจในบ้านในเมือง ล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์ แบ่งแยกประเทศ และมุ่งหวังที่จะสถาปนาตัวเองเป็นประมุของค์ใหม่

พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ตัดสินใจ ยึดทำเนียบรัฐบาล ปิดล้อมรัฐสภา ยึดทำเนียบรัฐบาลชั่วคราวที่ดอนเมือง และขณะนี้คือ การปิดสนามบินสุวรรณภูมิ ซึ่งพันธมิตรฯ ก็รู้ดีว่ามันจะก่อให้เกิดความเสียหายต่อบ้านต่อเมืองอย่างมหาศาล แต่พันธมิตรฯ ก็จำเป็นต้องทำ เพราะเป็นปมยุทธศาสตร์ที่สามารถเขย่าบัลลังก์ของรัฐบาลทรราชสมชาย วงศ์สวัสดิ์ได้

ยังมีประชาชนในสังคมไทยอีกหลายคนที่ไม่ได้ติดตามเหตุการณ์เหล่านี้ ไม่เคยรู้ถึงสาเหตุว่า ทำไม? และไม่เคยสนใจอะไรต่ออะไรเลยในสังคม ยกเว้นชีวิตของตัวกูเอง ปากท้องของกูเอง ทำมาหากินเพื่อเลี้ยงตัวเอง คนทั้งหลายเหล่านี้ยังคงมีชีวิตโดยปกติ ไม่รู้ร้อนไม่รู้หนาว ไม่รู้เรื่องราวว่า ประเทศชาติกำลังเกิดอะไรขึ้น นอกจากไม่รู้แล้ว ปากก็ยังเที่ยวกร่นด่า พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ว่าเป็นพวกที่น่ารำคาญ ก่อความวุ่นวาย ก่อความเสียหายให้แก่ประเทศ

พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ชุมนุมกันอย่างยืดยาวมานานกว่า 180 วัน ทุกคนต้องเสียสละทั้งเวลา กำลังกาย กำลังทรัพย์ กำลังแห่งความศรัทธา ช่วยกันบริจาคข้าวปลาอาหารและน้ำดื่มเพื่อใช้ในการชุมนุม นอกจากนั้นยังมีวีรชนที่ต้องเสียสละในการชุมนุมไปแล้วถึง 4 คน บาดเจ็บพิการอีกหลายร้อยคน จากการใช้กำลังของตำรวจสลายการชุมนุมและลอบยิงระเบิดเข้าไปในทำเนียบรัฐบาลระหว่างการชุมนุม ถ้าวันนี้ ไม่มีพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย รู้หรือไม่ว่า บ้านเมืองจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง อย่างน้อยก็มี 2 เหตุการณ์ ที่พอเชื่อได้ว่าต้องเกิดขึ้นแน่ คือ

1.การเข้าครองอำนาจการบริหารประเทศอย่างเบ็ดเสร็จ ของนายทักษิณ ชินวัตร วงศาคณาญาติ พรรคพวก และบริวารชั่ว เพื่อกอบโกยผลประโยชน์ของประเทศชาติให้แก่ตนเองและพรรคพวก ทำลายประชาชนให้อ่อนแอ สร้างพฤติกรรมวัตถุและบริโภคนิยม จูงใจให้ประชาชนมีหนี้สินมากขึ้น จนในที่สุดประชาชนก็จะเป็นทาสรับใช้ระบอบทุนนิยมสามานย์ของตัวเอง เพื่อการครอบครองประเทศไทยอย่างถาวร
2.สถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งสถาบันที่ประชาชนคนไทยเคารพสักการะ เป็นศูนย์รวมดวงใจของคนไทยทั้งชาติ อยู่คู่กับชาติบ้านเมืองมาโดยตลอด ถูกจาบจ้วง หมิ่นสถาบัน และสุ่มเสี่ยงต่อการถูกล้มล้าง โดยขบวนการของ นายทักษิณฯ วงศาคณาญาติ พรรคพวก และบริวาร

สาเหตุที่ทำให้บ้านเมืองเกิดความวุ่นวายเช่นวันนี้ เพราะมีสาเหตุมาจาก นายทักษิณ ชินวัตร ได้นำ ตรรกะแห่งอำนาจ มาใช้ และพยายามเผยแพร่ตรรกะนี้ ไปยัง วงศาคณาญาติ พรรคพวกและสาวก จนกระทั่ง ทำให้กลุ่มบุคคลเหล่านี้ โงหัวไม่ขึ้น ชื่นชมอยู่กับอำนาจและผลประโยชน์ หลงใหลในลาภยศสรรเสริญ ทำอย่างไรๆ ข้าฯ ก็จะไม่ยอมลงจากอำนาจ แม้ว่าหมดความชอบธรรมก็ตาม
ตรรกะแห่งอำนาจ เป็นตรรกะที่เกี่ยวข้องกับ อำนาจ การแสวงหา และผลประโยชน์ ซึ่ง 3 สิ่งนี้จะหมุนเวียนต่อเนื่องกันไปโดยไม่มีวันจบ จุดเริ่มต้นเกิดจากการหาวิธีการว่า “ทำอย่างไร จึงจะได้มาซึ่งอำนาจ” ในเบื้องต้นอาจเริ่มจากอำนาจเล็ก ๆ ก่อน เช่น สท. ส.อบต. สจ. นายก อบต. นายกเทศบาลฯ นายก อบจ. ฯลฯ เมื่อได้มาซึ่งอำนาจแล้วก็ใช้อำนาจ “แสวงหาผลประโยชน์ให้ตนเอง” แล้วแบ่งผลประโยชน์ส่วนหนึ่งไปใช้แสวงหาอำนาจใหม่ต่อซึ่งใหญ่กว่าเดิม หลังจากได้อำนาจใหม่ที่ใหญ่กว่าเดิมแล้ว ก็แสวงหาผลประโยชน์เช่นเดิม แล้วแบ่งผลประโยชน์ส่วนหนึ่งไปใช้แสวงหาอำนาจใหม่ที่ใหญ่ขึ้นกว่าเดิมอีก ตรรกะแห่งอำนาจนี้ จึงหมุนเวียนเรื่อยไปไม่มีวันจบสิ้น
หากตรรกะแห่งอำนาจ หมุนเวียนอยู่อย่างนี้ อย่างต่อเนื่อง ประโยชน์ที่ผู้ใช้ตรรกะแห่งอำนาจนี้ จะได้รับอย่างเห็นได้ชัด คือ อำนาจที่เคยเป็นอำนาจขนาดเล็กจะเพิ่มขึ้นเป็นอำนาจขนาดใหญ่ ผลประโยชน์ที่เคยได้น้อยๆ ก็กลายเป็นผลประโยชน์ที่ได้มากขึ้น จนกระทั่งกลายเป็นผลประโยชน์มหาศาล ดังแสดงไว้ในภาพด้านล่าง

เหตุการณ์วุ่นว่ายที่เกิดขึ้นในวันนี้ ทุกคนต้องใช้วิจารญาณคิดให้ดีว่า สาเหตุเกิดจากใคร? ระหว่างฝ่ายรัฐบาลที่ทำทุกอย่างเพื่อนายทักษิณ ชินวัตร และตัวกูเอง กับฝ่ายพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่ทำทุกอย่างเพื่อการปกป้องสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ โดยมิได้ทำเพื่อตัวเองแต่อย่างใด ความเดือดร้อนเสียหายที่เกิดขึ้นในครานี้ เป็นเพียงความเสียหายชั่วคราว ซึ่งทุกคนควรที่จะยอมรับมันโดยดุษฎี เพราะสาเหตุส่วนหนึ่งเกิดจากตัวพวกท่านทุกคนนั่นเอง ที่ไม่สนใจเรื่องราวของการบ้านการเมือง ปล่อยปละละเลยให้คนไม่ดีเข้าไปปกครองชาติบ้านเมือง
อย่าไปใส่ใจมากนักกับระบบทุนนิยมเสรีของชาวต่างชาติ ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ได้พยายามพร่ำสอน ตักเตือน และเผยแพร่ให้พสกนิกรชาวไทยทุกคนได้เข้าใจและนำไปปฏิบัตินั่นแหละ คือ เครื่องมือสำคัญที่จะทำให้เรา ไม่ต้องใส่ใจต่อสายตาหรือความรู้สึกของชาวต่างชาติมากจนเกินไปนัก และยังเป็นเครื่องมือที่จะต่อต้านระบบทุนนิยมเสรี หรือระบบทุนสามาลย์ ได้
เหตุการณ์วุ่นวายที่เกิดขึ้นในวันนี้ อาจทำให้ประเทศไทยมีบาดแผลบ้าง แต่เราก็จะสามารถรักษามันให้หายได้ภายในเร็ววัน แต่หากปล่อยไว้โดยไม่แก้ไขอะไรเลย แผลอาจจะลุกลามจนกระทั่งกลายเป็นมะเร็ง แล้วมันจะรักษาไม่หาย....หากวันนี้ พวกเรายังนิ่งดูดาย แยกแยะไม่ออกว่า อะไรคือจริง อะไรคือเท็จ ในวันข้างหน้าเมื่อเสียประเทศไทยไปแล้ว ...ลูกหลานของพวกเราคงจะต้องร้องเพลงว่า “วิญญาณพวกหนูจะร้อง ไอ้ปู่ ย่า จัญไร....”
วันนี้..ขณะนี้...ท่านทำอะไรอยู่...
ชาติชาย คเชนชล : 26 พ.ย.2551

ไม่มีความคิดเห็น: