วันจันทร์ที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

กระดานชนวนสมัยโบราณ กับ Tablet สมัยใหม่

ในปีงบประมาณ 2555 นี้ กระทรวงศึกษาธิการได้ตั้งงบประมาณในการจัดซื้อแท็บเล็ตแจกนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ตามโครงการ One Tablet PC Per Child  ซึ่งเป็นนโยบายหาเสียงของพรรคเพื่อไทยก่อนเข้ามาเป็นรัฐบาล เป็นจำนวนเงิน 1,600 ล้านบาท ซึ่งหากงบประมาณนี้ผ่าน จะสามารถจัดซื้อเครื่องแท็ปเล็ตได้ทั้งหมด 4.7 แสนเครื่องในราคาเครื่องละ 3,400 บาท ต่อเครื่อง เป็นค่าเครื่อง 3,100 บาท และค่าบรรจุข้อมูล 300 บาท

ใครเป็นคนตั้งราคา
ผู้เขียนรู้สึกสงสัยว่า ราคาต่อเครื่องทำไมต้อง 3,400 บาท บริษัทไหนเป็นผู้ตั้งราคา หรือว่ากระทรวง ICTเป็นผู้ตั้งราคา  แสดงให้เห็นว่ามีการล็อคคุณสมบัติกันไว้หมดแล้ว  ราคากลางของ Tablet น่าจะยังไม่เคยมีใครตั้งเอาไว้ในสารบบ หรืออาจมีแต่ราคาก็น่าจะสูงกว่านี้  ดังนั้น พอมีการยื่นซองเพื่อจัดซื้อ Tablet กันแล้ว บริษัทฯ ที่เสนอราคา 3,400 บาทต่อเครื่องต้องชนะการจัดซื้อครั้งนี้แน่นอน ต้องตามดูกันต่อไปว่า "บริษัทฯ นี้คือใคร"  ผมว่าคงไม่ใช่ค่าย  Apple, Microsoft หรือ Google แน่นอน  

บริษัทฯ แห่งหนึ่งบริจาค Tablet นำร่อง 600 เครื่อง
กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ICT) ได้รับบริจาคคอมพิวเตอร์แท็บเล็ต จากบริษัท แห่งหนึ่งจำนวน 600 เครื่อง โดยมอบต่อให้กับกระทรวงศึกษาธิการเพื่อใช้ประกอบการเรียนการสอนของนักเรียนของโรงเรียนในโครงการนำร่อง One Tablet PC per Child  จำนวน 4 โรงเรียน โดยจะเริ่มทดลองใช้ในภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2554 กับนักเรียน 2 ช่วงชั้น คือ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 และประถมศึกษาปีที่ 4 ชั้นละประมาณ 50 คน


ผลวิจัยออกมาอย่างไร ก็ต้องซื้อ
มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒประสานมิตรจะดำเนินการวิจัยร่วมกับ สพฐ. เพื่อวิจัยทดสอบเกี่ยวกับประสาทสัมผัส พัฒนาการ และผลกระทบของเด็กต่อการใช้คอมพิวเตอร์แท็บเล็ต เพื่อตอบข้อกังวลและความห่วงใยเกี่ยวกับผลกระทบต่างๆ เช่น ความพร้อมของเด็ก ผลกระทบต่อสายตา ประสาทสัมผัส การอ่าน การเขียน ฯลฯ ซึ่งคาดว่าจะทราบผลการวิจัยในต้นปี 2555

หลังจากนั้นจะนำผลของการวิจัยมาประกอบการตัดสินใจก่อนการจัดซื้อคอมพิวเตอร์แท็บเล็ตด้วย เพราะการจัดซื้อคอมพิวเตอร์แท็บเล็ตให้แต่ละโรงเรียน จะต้องพิจารณาจากองค์ประกอบหลายด้าน เช่น ความพร้อมของโรงเรียน นักเรียน และครู ซึ่งเชื่อว่าผลวิจัยจะสามารถตอบโจทย์เรื่องผลกระทบจากการใช้คอมพิวเตอร์แท็บเล็ต ทั้งในด้านความปลอดภัยและความเหมาะสม และหากพบว่าไม่มีความเหมาะสมกับนักเรียนในช่วงชั้นดังกล่าว กระทรวงศึกษาธิการก็จะปรับให้มีความเหมาะสมมากยิ่งขึ้น

ผู้เขียนสงสัยว่า ก่อนหาเสียงหรือคิดโครงการนี้ ทำไมไม่มีการศึกษาวิจัยมาก่อน  หรือโครงการนี้คิดขึ้นเพื่อเป็นนโยบายประชานิยมแบบเร่งด่วน โดนใจเท่านั้น  แต่พูดแล้วก็ต้องทำ ไม่ว่าเด็กนักเรียนของเราจะถูกยัดเยียดอย่างไร เงินงบประมาณซึ่งมีน้อยอยู่แล้ว ควรจะถูกนำไปใช้ในการศึกษาด้านอื่นๆ ที่จำเป็นกว่า "แต่ข้าไม่สน ข้าจะแจก " ไม่ว่าผลวิจัยจะออกมาอย่างไร ยังไงๆ รัฐบาลก็ต้องซื้อ ส่วนจะแจกให้เด็กชั้นไหนก็อีกเรื่องหนึ่ง (โดยดึงเอาผลการวิจัยของ มศว.มาเป็นข้ออ้าง เพื่อกลบเกลื่อนความโง่และความดึงดันของรัฐบาล ที่จะแจก Tablet เด็ก ป.1 ให้ได้ ซึ่งหลายคนก็ท้วงติงมาโดยตลอด)

"การซื้อ Tablet ครั้งนี้ คล้ายเป็นสัญญาต่างตอบแทนระหว่างบริษัทฯ นายทุนที่สนับสนุนพรรคการเมืองนี้อยู่"

อีกไม่นาน 
  • จะมีบริษัทที่ขายคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยี ....รวย 
  • จะมีบริษัทที่ขายสัญญาณโทรศัพท์ ....รวย
  • จะมีบริษัทที่ให้บริการอินเตอร์เน็ต ....รวย  
  • จะมีบริษัทที่ให้บริการดูทีวีออนไลน์ ...รวย
  • จะมีบริษัทที่ให้บริการดูหนัง ฟังเพลง ....รวย
  • จะมีบริษัทที่ให้บริการเกมส์ออนไลน์ .....รวย
  • จะมีบริษัทที่เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์ และ Application ....รวย 
ทั้งหมดนี้อ้างว่า เพื่อสร้างคุณภาพการศึกษาให้เด็กไทยตั้งแต่เล็ก และต่อไปก็จะซื้อ Tablet กันทุกปี ดังนั้นบริษัทฯ ที่ผู้เขียนกล่าวมานี้ จะรวยอย่างต่อเนื่อง และรวยแบบอมตะนิรันดร์กาล....ตลอดไป


จะเลือกกระดานชนวน หรือ Tablet  
ผู้เขียนก็มี Ipad2 (แต่ไม่ได้ซื้อเองหรอกนะครับ มีคนเขาให้มา) ผู้เขียนคิดว่าผู้เขียนก็มีความสามารถทาง IT อยู่ในระดับหนึ่ง แต่ผู้เขียนก็ยังไม่สามารถใช้ประโยชน์จาก Ipad2 ได้อย่างเต็มที่ ผู้เขียนคิดว่าหากจะใช้ทำงานแล้ว ใน PC หรือ Note book  จะเหมาะสมกว่า  ส่วน Ipad นั้นเหมาะสำหรับคนที่ต้องการการติดต่อสื่อสารและเชื่อมโยงอยู่ตลอดเวลา คนที่ต้องการข้อมูลที่รวดเร็วทันสมัย มาใช้ประกอบการตัดสินใจในธุรกิจของตนเองได้อย่างมีประสิทธิภาพ และนอกจากนั้นยังเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความบันเทิงในรูปแบบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น ดูหนัง ฟังเพลง หรือเกมส์ออนไลน์

ในความเห็นส่วนตัวของผู้เขียนคิดว่า สำหรับเด็กชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 แล้ว "กระดานชนวน" ในสมัยโบราณที่ใช้เรียนกัน  น่าจะมีประโยชน์มากกว่า "Tablet"   เพราะเด็กๆ ขนาดนี้ เขาน่าจะได้ฝึกฝนการเขียนหนังสือ  ฝึกการลากเส้น ฝึกการวาดรูป ฝึกกล้ามเนื้อมือ กระดานชนวนก็ลบได้เหมือนกัน ค่าอินเตอร์เน็ตก็ไม่เสีย ค่าไฟก็ไม่เสีย ราคาก็ไม่แพง และแข็งแรงทนทาน.... 

ฝากรัฐบาลคิดทบทวนดูอีกครั้ง....นะครับ  ยังไม่สายเกินไปที่จะเปลี่ยนใจ
หากเลิกโครงการตอนนี้ ผมว่า ไม่เสียหน้าหรอกครับ
อาจจะมีหลายคนกลับชื่นชมด้วยซ้ำไป

การศึกษาไทยยังมีอะไรให้พัฒนามากกว่าการแจก Tablet


















************************
ชาติชาย คเชนชล : 14 พ.ย.2554

3 ความคิดเห็น:

Ahumusic กล่าวว่า...

เขียนได้โดนใจมากครับ คิดเหมือนกัน

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

ในฐานะที่ปัจจุบันทำหน้าที่สอนนักเรียนชั้น ป.๑-๒ ซึ่งเด็กที่นี่ใช้ภาษาไทยเป็นภาษาที่สอง(คำพื้นฐานบางคำยังสื่อสารกันไม่เข้าใจเลยค่ะ) เห็นด้วยอย่างยิ่งที่จะร้องขอให้รัฐบาลไตร่ตรองการจัดซื้อกระดานชนวนสมัยใหม่ (Tablet)เพื่อสร้างปัญหาในการเรียนให้แก่นักเรียนและผู้สอน (น่าจะเป็นปัญหาระยะยาวเลยทีเดียว เพราะถ้าเด็กเริ่มต้นด้วยการอ่านไม่ออก เขียนไม่ได้ ประเทศไทยเตรียมถอยหลังลงคลองที่มีดินโคลนด้วยแน่นอน ไม่ใช่หมอดูแต่ขอยืนยันค่ะ)แต่ไม่ได้หมายความว่าจะให้เด็กกลับไปใช้กระดานชนวนอย่างสมัยคุณย่าทวดยังสาวนะคะ แค่กระดานดำก็น่าจะพอนะคะ555

nunut กล่าวว่า...

โดยส่วนตัวเห็นด้วยกับผู้เขียนอย่างแรงเลยจริงๆคะ ^.^