วันศุกร์ที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

อริยสัจ 4 กับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ

อริยสัจ แปลว่าความจริงอันประเสริฐ  เป็นหลักคำสอนของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ประกอบด้วยความจริงสี่ประการ คือ  
  1. ทุกข์ คือ ความไม่สบายกาย ไม่สบายใจ
  2. สมุทัย คือ สาเหตุที่ทำให้เกิดทุกข์
  3. นิโรธ  คือ ความดับทุกข์
  4. มรรค คือ หนทางหรือแนวทางปฏิบัติที่นำไปสู่ความดับทุกข์
หากเรานำหลักอริยสัจ 4 นี้มาอธิบายถึง พฤติกรรมของ นช.ทักษิณ ชินวัตร และนักการเมืองพรรคเพื่อไทย รวมทั้งกลุ่ม นปช.เสื้อแดงที่พยายามจะยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ทั้งฉบับ โดยอ้างว่ารัฐธรรมนูญ พ.ศ.2550 เป็นรัฐธรรมนูญที่มาจากการรัฐประหารไม่เป็นประชาธิปไตย วิธีคิดของคนพวกนี้ น่าจะพออธิบายตามหลักความจริงอันประเสิรฐทั้งสี่ ได้ดังนี้  

ทุกข์ คือ ประวัติศาสตร์ชาติไทยจะบันทึก จารึกและสั่งสอนกันต่อๆ ไปชั่วลูกหลานว่า นาย "ทักษิณ" อดีตนายตำรวจยศ พ.ต.ท. นามสกุล "ชินวัตร"  คือ ผู้ที่โกงชาติ ปล้นแผ่นดิน เอาผลประโยชน์เข้าตัวเอง คิดเปลี่ยนแปลงการปกครอง ล้มล้างสถาบันกษัตริย์ จนกระทั่งกองทัพต้องออกมากระทำรัฐประหาร  ยึดทรัพย์จับดำเนินคดี จากเคยดำรงตำแหน่งถึง "นายกรัฐมนตรี" ต้องกลับกลายเป็น "นักโทษชาย" ที่หลบหนีคดีอยู่ต่างประเทศ จนกระทั่งต้องสิ้นชีพตักษัยอยู่ในต่างประเทศนั่นเอง

สาเหตุที่ทำให้เกิดทุกข์  คือ ไม่ต้องการให้ประวัติศาสตร์ชาติไทยบันทึกเกี่ยวกับตระกูล "ชินวัตร" ไว้เช่นนั้น (ส่วนสาเหตุที่แท้จริงก็คือ ความทะยานอยากในกามา มักใหญ่ใฝ่สูง รัก โลภ โกรธ หลง ต้องการเงินและอำนาจของนายทักษิณฯ นั่นเอง จึงทำให้นายเป็นเยี่ยงนี้)

ความดับทุกข์ คือ นช.ทักษิณ ชินวัตร ต้องการเดินทางกลับมาประเทศไทยอย่างสง่างาม และกลับมาเรืองอำนาจใหม่ 

หนทางสู่ความดับทุกข์  แก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อล้างมลทิน ล้างคดีให้หมดให้สิ้น ให้การรัฐประหารเมื่อ 19 กันยายน พ.ศ.2549 เป็นโมฆะคืนอำนาจ คืนความชอบธรรม คืนเงินและทรัพย์สินให้แก่ นช.ทักษิณ ชินวัตร 

วิธีดับทุกข์ให้ประชาชน
ผมไม่เห็นว่าประชาชนจะเป็นทุกข์อะไรกับรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2550 จนถึงขั้นต้องออกมาแก้ไข และเชื่อว่าหลายคนยังไม่เคยอ่านรัฐธรรมนูญด้วยซ้ำไป  ความดับทุกข์ของประชาชนคือ การอยู่ดีกินดี การมีคุณภาพชีวิตที่ดี อยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุขและมีศักดิ์ศรีในความเป็นมนุษย์ 

หนทางที่จะดับทุกข์ให้ประชาชน ไม่ใช่การแก้รัฐธรรมนูญ
หนทางดับทุกข์ให้ประชาชน คือ การบริหารประเทศอย่างชาญฉลาด  

ประเทศไทยเรากำลังจะเข้าสู่ยุคข้าวยากหมากแพง ประเทศกำลังจะมีหนี้สิ้นล้นพ้นตัว น้ำมัน 3 ลิตร 120 บาท ไข่ราคาฟองละ 3 บาท ข้าวแกงราคา 50 บาท คนรวยยิ่งรวยขึ้น คนจนกลับจนลง และเป็นหนี้ท่วมหัว นายทุนต่างชาติเข้ามาครอบงำวิถีชีวิตและวัฒนธรรมของคนไทย ในขณะที่เด็กๆ กำลังจะมีแท็บเล็ต แต่พ่อแม่กลับไม่มีสตางค์จะซื้อข้าวให้ลูกกิน......... 

**********************************
จุฑาคเชน : 17 ก.พ.2555

6 ความคิดเห็น:

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

คิดได้ยังไง เอาอะไรคิด ไม่เข้าใจ
คนดีไม่ทำร้าย คนอื่น ไม่ว่าคนนั้น จะดีหรือชั่ว ....

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

ควรใช้วิจารณญานในการอ่านเนื่องจากใช้หลักคำสอนพาดพิงผู้อื่นควรเป็นกลางใครทำไม่ดีทุกข์นั้นถึงตัวเอง..ขอให้ทุกท่านเจริญในธรรมยิ่งๆขึ้นไป:D

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

อธิบายความแบบจับแพะชนแกะเยี่ยงนี้ได้อย่างไร ชี้ให้เห็นว่าผู้เขียนกำลังอธิบายในสิ่งที่ต้วเองก็ไม่เข้าใจ ธรรมะเป็นเรื่องของความจริงที่เป็นจริง ส่วนการเมืองมันเป็นเรื่องของความจริงทางสังคมหรือความจริงสมมติ การจับสองนี้มาผูกกันแล้วอฺธิบายบนความคิดอคติ เป็นเรื่องอัตราย..

Social' Captain กล่าวว่า...

อย่าเอาอริสัจ 4 ไปเชื่อมโยงการเมืองครับ...

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

คุณจะสอนให้คนอื่นพ้นทุกข์แต่คุณกับมีแต่ทุกข์ในใจอย่างนี้ผิดหลักธรรมของพระพุทธเจ้า

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

คิดได้อย่างไร