วันพฤหัสบดีที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2555

เวลาอีกครึ่งชีวิตที่เหลืออยู่

วันนี้หยิบหนังสือเล่มเก่าเล่มหนึ่งขึ้นมาอ่าน เรื่อง "การบริหารจัดการในศตวรรษที่ 21" เขียนโดย ปีเตอร์ เอฟ ดรัคเกอร์ เมื่อปี ค.ศ.1999  ตอนท้ายเล่มท่านได้เขียนเกี่ยวกับ "เวลาอีกครึ่งชีวิตที่เหลืออยู่"  ถึงแม้ท่านจะเขียนมากว่า 12 ปีแล้ว แต่ ณ ปัจจุบัน ดูเหมือนว่ามันกำลังเกิดขึ้นกับสังคมไทย 

ที่มาของภาพ
http://www.dek-ac.com/knowledge-id27.html
ท่านบอกว่า ผู้บริหารระดับกลางขององค์กรธุรกิจ หรือบรรดาพวกข้าราชการ อาจารย์ หลายคนในสมัยนั้น เริ่มคิดถึงชีวิตการทำงานของตนเอง ตอนอายุประมาณ 30 ปี ชึ่งถือว่าได้ผ่านการทำงานมาแล้วครึ่งชีวิต การจะอยู่ในอาชีพเดิมให้ถึง 40-50 ปี อาจจะยาวนานเกินไปสำหรับพวกเขา พวกเขารู้สึกเบื่อหน่าย ท้อถอย ไม่รู้สึกสนุกกับงานอีกต่อไป รู้สึก "หมดไฟในการทำงาน" และพวกเขาก็เห็นว่าหลายๆ องค์กรในอดีตกลับต้องล้มหายตายจากไปก่อนที่พนักงานของเขาจะเกษียณอายุ 60 ปีด้วยซ้ำไป 

ความคิดเกี่ยวกับ "เวลาอีกครึ่งชีวิตที่เหลืออยู่" จึงเกิดขึ้น 
คำตอบที่สรุปได้ คือ เขาเหล่านั้นเริ่มมองหาอาชีพที่สองซึ่งแตกต่างไปจากอาชีพเดิม โดยทำเป็นอาชีพคู่ขนานแล้วทุ่มเทและใช้เวลาทำงานในอาชีพคู่ขนานตลอดระยะเวลาที่เหลือของชีวิต  ส่วนพวกที่เคยประสบความสำเร็จในอาชีพแรกของตน เช่น พวกนักธุรกิจ แพทย์ ที่ปรึกษา หรืออาจารย์ในมหาวิทยาลัย พวกเหล่านี้ก็ยังรักในงานอาชีพแรกของตน เพียงแต่ไม่รู้สึกว่างานนั้นมีความท้าทายอีกต่อไป พวกเขาจะยังคงทนทำงานที่เดิม แต่ก็พยายามให้เวลากับมันน้อยลง แล้วหันไปเริ่มงานใหม่ ส่วนใหญ่จะเป็นงานในองค์กรที่ไม่แสวงหากำไร หรือไม่ก็เป็นผู้ประกอบการสังคมสงเคราะห์ (Social Entrepreneurs) เป็นต้น 

ผมก็รู้สึกเช่นนั้น 
ตอนนี้ผมเหลือเวลาอีก 9 ปี จะเกษียณอายุราชการ ผมก็รู้สึกว่าอาชีพนี้ มันไม่ท้าทายผมอีกต่อไป ผมมองเห็นภาพตัวผมได้ดีตอนที่ผมเกษียณ เพราะผมมองเห็นคนเกษียณมาทุกปี ยิ่งระบบราชการในสมัยนี้ มันทำให้ผมรู้สึกหมดไฟในการทำงานจริงๆ  นี่กระมังที่ ท่านปีเตอร์ เอฟ ดรัคเกอร์ ได้เขียนเอาไว้หลายสิบปีที่แล้ว 

ปัจจุบันในสังคมไทย ครูหลายคน ทหารหลายนาย ข้าราชการหลายคน เมื่อลูกเต้าเรียนหนังสือจบ หางานทำได้ บำนาญหรือเงินกองทุนสะสมก็มีเพียงพอที่จะเลี้ยงชีวิต จึงเริ่มลาออกก่อนถึงเวลาที่จะเกษียณอายุราชการ  ผมรู้ว่า เขาลาออกไปเพื่อจะค้นหาชีวิตของตนเองให้เจอ แล้วอยู่กับมันให้มากที่สุดในช่วงเวลาที่เหลือของชีวิต 

ตอนนี้ผมคงต้องเริ่มเตรียมตัวมองหางานอะไรสักอย่าง ที่จะทำให้ผมใช้เวลาที่เหลือของชีวิตกับมันได้มากขึ้น ชอบมัน และมีความสุขกับมัน แต่ลูกๆ ยังเรียนกันไม่จบเลย เห็นคงจะต้องรออีกสักพัก ผมจึงจะสามารถออกไปค้นหาตัวเองให้เจอ 

ชีวิตที่เหลือ ผมอยากจะใช้ชีวิตของผมมากกว่าจะต้องหาเลี้ยงชีวิตไปจนแก่ชรา เพราะตอนนี้ก็เกินครึ่งชีวิตมาแล้ว จึงต้องรีบใช้มันซะ 


*************************
ชาติชาย คเชนชล : 28 มิ.ย.2555

ตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์สู่ชนบท ปีที่ 23 ฉบับ 398 ประจำเดือนกรกฎาคม พ.ศ.2555 หน้า 3

ไม่มีความคิดเห็น: