วันพฤหัสบดีที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2560

"วันบุรฉัตร" เป็นวันที่หน่วยงานทั้งหลายต้องคิดทบทวน


พลเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าบุรฉัตรไชยากร กรมพระกำแพงเพชรอัครโยธิน พระราชโอรส องค์ที่ 35 ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ทรงสิ้นพระชนม์ในวันที่ 14 กันยายน 2479 ขณะพระชนมายุเพียง 55 ปี วันนี้ทางราชการจึงกำหนดให้เป็น "วันบุรฉัตร" ผมขอสรุปประวัติของพระองค์ฯ พอสังเขปเพื่อทราบดังนี้ 
  • พระชนมายุ 20 ปี เป็นร้อยตรี เหล่าทหารช่าง หลังจากนั้นทรงเสด็จไปศึกษาที่ประเทศฝรั่งเศสและประเทศอังกฤษ
  • พระชนมายุ 23 ปี กลับมาเป็นพันตรีเหล่าทหารช่าง
  • พระชนมายุ 27 ปี ดำรงตำแหน่งจเรทหารช่าง (พระองค์แรก)
  • พระชนมายุ 36 ปี พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ เป็น "ผู้บัญชาการรถไฟ" อีกตำแหน่งหนึ่ง นอกเหนือจากหน้าที่ทางราชการทหาร พระองค์ได้บริหารงานด้วยพระปรีชาสามารถทรงนำวิชาการสมัยใหม่ เข้ามาใช้ ก่อให้เกิดประโยชน์แก่กิจการรถไฟอย่างมาก จนได้รับการขนานพระนามว่า  " พระบิดาแห่งกิจการรถไฟสมัยใหม่ "  
  • พระชนมายุ 41 ปี ทรงขอพระบรมราชานุญาตในการออกพระราชบัญญัติจัดวางการรถไฟ และทางหลวง พุทธศักราช  2465 เพื่อเป็นการวางหลักการบริหารกิจการรถไฟของประเทศให้มีระเบียบยิ่งขึ้น
  • พระชนมายุ 45 ปี ดำรงตำแหน่งเสนาบดีกระทรวงพาณิชย์และคมนาคมและเป็นนายกสภาเผยแผ่พาณิชย์
  • พระชนมายุ 49 ปี ทรงริเริ่มนำวิทยาการด้านการสื่อสารเข้ามาใช้การพัฒนาประเทศ ทรงตั้งเครื่องส่งวิทยุกระจายเสียงทดลองขนาดเล็ก และสั่งเครื่องวิทยุกระจายเสียงคลื่นสั้นเข้ามาทดลอง ทรงเปิดการกิจการส่งวิทยุกระจายเสียงเป็นเป็นครั้งแรกเมื่อ พ.ศ. 2473 ใช้ชื่อสถานีว่า "สถานีวิทยุกรุงเทพฯ ที่พญาไท" และถือว่าเป็นบุคคลแรกของสยาม ที่ต้องการให้ประเทศสยามมีการส่งเทเลวิชั่น (วิทยุโทรทัศน์) ขึ้นเป็นครั้งแรก แต่ไม่ประสบความสำเร็จ เนื่องจากสยามได้เปลี่ยนแปลงการปกครองในปี พ.ศ. 2475
  • พระชนมายุ 49 ปี ทรงก่อตั้งสโมสรโรตารีแห่งแรกในประเทศไทยขึ้น เรียกชื่อว่า "สโมสรโรตารีกรุงเทพ" 
  • พระชนมายุ 50 ปี  ทรงดำรงตำแหน่งอภิรัฐมนตรีสภา ทำหน้าที่ปรึกษาราชการในพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวฯ รัชกาลที่ 7 
  • พระชนมายุ 52 ปี ทรงลาออกจากราชการและเสด็จไปประทับ ณ ประเทศสิงคโปร์ พร้อมกับครอบครัว (น่าจะเป็นผลพวงมาจากการยึดอำนาจและเปลี่ยนแปลงการปกครองเมื่อ พ.ศ.2475 ของคณะราษฎร)          
  • พระชนมายุ  55 ปี  ทรงสิ้นพระชนม์ด้วยโรคพระทัยวาย ณ โรงพยาบาลในประเทศสิงค์โปร์
พระองค์เจ้าชายบุรฉัตรไชยากรฯ นอกจากจะทรงรับราชการทหารแล้ว ยังทรงรับราชการสนองพระเดชพระคุณและทรงวางรากฐานในกิจการด้านอื่นๆ นอกเหนือจากที่กล่าวมาแล้ว เช่น การออมสิน การโรงแรม การสหกรณ์ การพาณิชย์ การท่องเที่ยว การโฆษณาและประชาสัมพันธ์ และการบินทหารบก

(ท่านใดต้องการอ่านพระราชประวัติโดยละเอียด สามารถค้นหาได้จากอินเตอร์เน็ต)



น่าเสียดายเวลาที่เสียไป
นับตั้งแต่วันที่ พระองค์ท่านและครอบครัว ต้องเสด็จออกจากประเทศไทยและทรงสิ้นพระชนม์ที่ประเทศสิงค์โปร์ ถึงปัจจุบันแล้วเป็นเวลา 81 ปี แต่ดูเหมือนว่าสิ่งที่พระองค์ท่านได้ทรงริเริ่มและวางรากฐานไว้ หลายกิจการไม่ได้รับการพัฒนาให้เจริญก้าวหน้าตามที่ควรจะเป็น ดังเช่น กิจการรถไฟแห่งประเทศไทย เป็นต้น

ดังนั้น "วันบุรฉัตร" จึงควรเป็นวันที่หน่วยงานทั้งหลายที่เกี่ยวข้อง ต้องหันมาพิจารณาทบทวนดูว่า "สิ่งใดที่ขาดหายไป" จึงทำให้เจตนารมย์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ รัชกาลที่ 5,6 และ 7 ที่ทรงรับสั่งผ่านทางพลเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าบุรฉัตรไชยากรฯ จึงไม่ประสบความสำเร็จ


มีคนกล่าวว่า "ประเทศไทยไม่ใช่ประเทศกำลังพัฒนา" แต่
"ประเทศไทยเป็นประเทศที่พัฒนาแล้ว แต่ได้แค่นี้"  
คำกล่าวนี้ เห็นท่าจะจริง....           



********************************
ชาติชาย คเชนชล : 14 ก.ย.2560

ไม่มีความคิดเห็น: